อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาลมพิษที่คุณควรรู้

อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาลมพิษที่คุณควรรู้
อาการ สาเหตุ และวิธีการรักษาลมพิษที่คุณควรรู้ (Web H)

ลมพิษ (Urticaria) เป็นโรคผิวหนังที่พบได้ทั่วไป ซึ่งมักแสดงอาการเป็นผื่นหรือปื้นสีแดงคันที่ผิวหนัง ลักษณะเด่นของลมพิษคือปื้นผิวที่บวมขึ้นและมีอาการคัน ซึ่งอาจเกิดขึ้นในบริเวณใดของร่างกายก็ได้ โดยปกติแล้วลมพิษจะเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปเองในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วัน แต่ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือเป็นเรื้อรัง บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับอาการของลมพิษ สาเหตุที่ทำให้เกิด และวิธีการรักษาที่เหมาะสม

อาการของลมพิษ

อาการหลักของลมพิษคือการเกิดผื่นหรือปื้นที่ผิวหนัง ซึ่งมีลักษณะดังนี้:

  1. ปื้นบวมแดง : บริเวณที่เป็นลมพิษมักจะมีลักษณะเป็นปื้นสีแดงหรือสีขาวที่บวมขึ้น อาจมีขนาดเล็กหรือใหญ่ และรูปร่างไม่แน่นอน ปื้นเหล่านี้สามารถเปลี่ยนตำแหน่งได้ในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
  2. อาการคัน : ผู้ที่มีลมพิษมักจะมีอาการคันอย่างมากในบริเวณที่เกิดผื่นหรือปื้น การเกาหรือสัมผัสอาจทำให้อาการแย่ลง
  3. ปื้นหายได้เอง : ปื้นที่เกิดขึ้นมักจะหายไปเองภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงถึงไม่กี่วัน แต่บางกรณีอาจเกิดขึ้นใหม่ในบริเวณอื่นของร่างกาย

ในบางกรณีที่ลมพิษรุนแรง อาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น บวมที่ตา ริมฝีปาก หรือคอ ซึ่งเป็นอาการที่ต้องรับการรักษาอย่างเร่งด่วน

สาเหตุของลมพิษ

ลมพิษเกิดจากการที่ร่างกายปล่อยสารฮีสตามีน (Histamine) ซึ่งทำให้หลอดเลือดขยายตัวและเกิดการบวมที่ผิวหนัง สาเหตุที่ทำให้เกิดการปล่อยฮีสตามีนมีหลายประการ เช่น:

  1. การแพ้อาหาร : อาหารบางชนิดอาจกระตุ้นให้เกิดลมพิษ เช่น อาหารทะเล นม ไข่ ถั่วลิสง หรือสตรอเบอร์รี
  2. แพ้ยาหรือสารเคมี : ยาบางชนิด เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแก้ปวด หรือยาแก้แพ้บางชนิด อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาแพ้และทำให้เกิดลมพิษ
  3. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม : การสัมผัสกับสารเคมี สัตว์เลี้ยง ฝุ่น หรือแมลงบางชนิดอาจทำให้เกิดลมพิษ
  4. อากาศ : การเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น ความเย็นหรือความร้อนมากเกินไป อาจเป็นสาเหตุที่กระตุ้นให้เกิดลมพิษในบางคน
  5. ความเครียดและอารมณ์ : ความเครียดหรือภาวะอารมณ์ที่ไม่คงที่อาจกระตุ้นการเกิดลมพิษในบางราย

นอกจากนี้ยังมีกรณีที่ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดของลมพิษได้ ซึ่งเรียกว่า “ลมพิษที่ไม่ทราบสาเหตุ” (Idiopathic Urticaria)

การวินิจฉัยลมพิษ

การวินิจฉัยลมพิษโดยทั่วไปจะทำได้โดยการตรวจสอบอาการที่ปรากฏบนผิวหนัง อย่างไรก็ตาม หากผู้ป่วยเกิดลมพิษเรื้อรังหรือเกิดขึ้นบ่อยๆ แพทย์อาจทำการตรวจเลือดหรือการทดสอบทางผิวหนังเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุของการแพ้และการตอบสนองของร่างกายต่อสารต่างๆ

วิธีการรักษาลมพิษ

การรักษาลมพิษขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการและสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษ สำหรับลมพิษที่เกิดขึ้นชั่วคราวและไม่รุนแรง สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการต่อไปนี้:

  1. ยาแก้แพ้ (Antihistamines) : ยาแก้แพ้สามารถลดอาการคันและบวมที่เกิดจากลมพิษได้ ยาแก้แพ้ที่ใช้บ่อยได้แก่ ลอราทาดีน (Loratadine) และเซทิริซีน (Cetirizine)
  2. ยาทาแก้อักเสบ: ในบางกรณี แพทย์อาจสั่งยาทาที่ช่วยลดอาการอักเสบและอาการคันที่เกิดจากลมพิษ เช่น ครีมสเตียรอยด์
  3. หลีกเลี่ยงสารกระตุ้น : หากสามารถระบุสาเหตุที่ทำให้เกิดลมพิษได้ เช่น อาหาร สารเคมี หรือยาบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงสารเหล่านี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดลมพิษอีก
  4. การปรับพฤติกรรม : ลดความเครียด และพยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้อารมณ์เครียดหรือเปลี่ยนแปลง อาจช่วยลดโอกาสการเกิดลมพิษได้

ในกรณีที่ลมพิษเกิดขึ้นบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง เช่น ปากบวม หายใจลำบาก ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที แพทย์อาจใช้ยาที่แรงขึ้น เช่น ยาสเตียรอยด์ หรือยาฉีดเอพิเนฟรีน (Epinephrine) เพื่อควบคุมอาการ

การป้องกันลมพิษ

การป้องกันลมพิษสามารถทำได้โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการ ดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้ : หากทราบว่าแพ้อาหารบางชนิด ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเหล่านั้น
  2. ระวังสภาพอากาศ : การสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและหลีกเลี่ยงสภาพอากาศที่รุนแรง เช่น การสัมผัสกับความร้อนหรือความเย็นเกินไป อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดลมพิษ
  3. ลดความเครียด : การจัดการความเครียดในชีวิตประจำวันด้วยวิธีการต่างๆ เช่น การทำสมาธิ หรือการผ่อนคลาย ช่วยป้องกันการเกิดลมพิษที่มีสาเหตุมาจากความเครียด

สรุป

ลมพิษเป็นอาการที่พบได้บ่อยและสามารถรักษาได้ด้วยยาและการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิด หากเกิดลมพิษบ่อยๆ หรือมีอาการรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาที่เหมาะสม การดูแลสุขภาพทั่วไปและการจัดการความเครียดเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดลมพิษได้

ติดต่อเรา

หมวดหมู่ : ทั่วไป

โพสต์ล่าสุด

Me Care Group สามารถพบเราได้ที่ (Web H)
Coenzyme Q10 หรือที่เรียกย่อว่า CoQ10 เป็นสารที่ร่างกายสามารถผลิตได้เองตามธรรมชาติ และมีอยู่ในอาหารห...
Me Care Group สามารถพบเราได้ที่ (Web H)
Coenzyme Q10 หรือ CoQ10 เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีความสำคัญต่อร่างกาย ทำหน้าที่ในการผลิตพลังงานให้เ...
Me Care Group สามารถพบเราได้ที่ (Web H)
Coenzyme Q10 หรือที่รู้จักกันในชื่อ CoQ10 เป็นสารที่ร่างกายผลิตขึ้นตามธรรมชาติและมีความสำคัญต่อการทำ...
me care การส่งต่อสุขภาพที่ดี Banner (Web H)
การดูแลสุขภาพหัวใจเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งมักมีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเ...
me care การส่งต่อสุขภาพที่ดี Banner (Web H)
คอเลสเตอรอลเป็นสารไขมันที่จำเป็นต่อการทำงานของร่างกาย แต่เมื่อระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงเกินไป อาจส่...
me care การส่งต่อสุขภาพที่ดี Banner (Web H)
โรคหัวใจเป็นปัญหาสุขภาพที่สำคัญทั่วโลก โดยมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ซึ่งหนึ...